เพลงประกอบหนัง ที่ทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ และประทับใจในเนื้อเรื่องและตัวละครมากยิ่งขึ้น กับการรับชมหนังในแต่ละตอน
เพลงประกอบหนัง หากจะนึกถึงสิ่งที่ ทำให้ผู้คนรู้สึกอิน ไปกับการดูหนังมากที่สุด ไม่เพียงแค่เรื่องราว ตัวละคร และมุมกล้องแล้ว อีกสิ่งก็คือ เพลงประกอบ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียง ฉากที่ขึ้นมาสั้น ๆ ไปจนถึงตอนที่เป็น ประเด็นหลักของหนังเรื่องนั้น ๆ คล้ายกับการสร้างอารมณ์ และสื่อถึงเรื่องราวไปพร้อม ๆ กัน
Wrath – Rupert Gregson อีกเรื่องที่เป็นหนังฮีโร่ ที่มีชื่อว่า Wonder Woman เพลงที่จะพูดถึงนี้ ถูกใส่มาในภาคแรก ถือว่าคือ เพลงประกอบหนังฝรั่งมันๆและเป็นเรื่องที่ผลักดัน ฮีโร่หญิงจากค่ายดีซี นั่นก็คือ ไดอาน่า พริ้นส์ ซึ่งในเพลงจะเน้นเสียงของกลอง ทำให้นึกถึงย้อนไป ในยุคสงครามโลก ในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์
แต่ถ้าจะพูดถึง สิ่งที่ไม่เหมือนกัน ของอีกภาคอย่าง วันเดอร์วูแมน1984 เพลงประกอบ ถือได้ว่ายังคงจากเดิม ทำนองคล้าย ๆ กัน แต่จะมีการปรับ ในส่วนของเครื่องดนตรี ที่ทำให้ดูทันสมัยขึ้น แน่นอนว่าผู้ที่ทำเพลง ไม่ใช่คนเดียวกัน ซึ่งบรรดาแฟนหนัง ต่างมีความคิดเห็นว่า ชอบดนตรีที่อยู่ในภาคแรกกว่ามาก หากเปรียบกับ ดนตรียุค 80 ในภาคสอง
เพลงประกอบหนัง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ที่ได้ดูจะจดจำได้ว่า หากมีฉากที่ปรากฏตัว ของไดอาน่า กับการต่อสู้ที่จริงจัง จะมีดนตรีเสียงดุดัน เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ที่มาพร้อมกับการเปิดตัวของเธอ
ซึ่งเป็นผลงานจาก Williams ที่ได้ยินแล้วรู้สึกถึง อารมณ์สู้รบแบบดุเดือด อีกทั้งยังเป็นเพลง ที่ติดหูมากด้วยเช่นกัน ซึ่งฉากที่ผู้คน ประทับใจที่สุดก็คือ ฉากที่เธอปรากฏตัว เพื่อช่วยแบทแมน ตอนช่วงท้ายเรื่องของ Batman v Superman
Rainy Night In Tallinn ซึ่งเพลงดังกล่าว ที่ใช้ในการเริ่มต้นของภาพยนตร์ Tenet ในตอนเริ่มเรื่อง ที่มีการต่อสู้ที่โรงภาพยนตร์ ถือว่าเป็นฉากที่เล่นใหญ่ อีกทั้งยังสามารถ สะกดอารมณ์คนดู ได้ตั้งแต่เริ่มเรื่อง แม้ว่าคนดูที่รู้อยู่แล้วว่า หนังจะออกมาแนวไหน แต่พอได้ยินเพลงนี้ขึ้นมา กลายเป็นรู้สึกว่า มันเครียดกว่าที่คิด ไว้เยอะมาก
อีกทั้งการดำเนินเรื่อง ของหนังที่หลายคน ก็บอกว่าดูทันสมัย ในส่วนของดนตรี ถือว่าน่าสนใจมาก เพลงนี้เป็นผลงานจาก Ludwig Göransson ในบางช่วงให้อารมณ์ ที่ดูชุลมุนวุ่นวาย ดูมีรายละเอียดมากมาย อีกทั้งเป็น เอกลักษณ์ของเรื่อง ทำให้เรื่องราวของหนัง
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง รวมไปถึงเสียง ดนตรี เป็นสิ่งที่ไม่อาจละสายตาได้เลย โดยผลงานที่ออกมา คงต้องชื่นชม Ludwig Göransson ผู้ทำเพลงประกอบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งสร้างผลงาน ในวงการภาพยนตร์ ติดตัวมากมาย
หากจะให้พูดถึงจริง ๆ เรื่อง Tenet ยังมีอีกหลายเพลง ที่ทำออกมาได้ดี ซึ่งส่วนมากก็จะออกมา ในทำนองไม่ต่างกัน และให้อารมณ์คล้าย ๆ กัน แต่ที่ยกเพลงนี้มา เนื่องจากเป็นเพลง ที่สร้างความประทับใจ ตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยทีเดียว
Sixteen Hundred Men 1917 หลายคนที่ได้ดู ต้องรู้สึกประทับใจ กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่ง เพลงประกอบหนังเก่าๆ นี้จะอยู่ ในฉากสำคัญของเรื่อง ที่พระเอกได้รับหน้าที่ ในการส่งสารสำคัญ จากฐานกองทัพ ไปส่งให้ทันเวลา ก่อนที่เหล่าทหารจำนวน 2,000 คน จะต้องตกอยู่ในอันตราย
เพราะกับดักของเยอรมัน อีกทั้งหนัง 1917 คือหนังแนวสงคราม เป็นผลงานจาก Thomas Newman เรื่องที่น่าสนใจก็คือ โทมัส นิวแมน ผู้ที่ทำเพลงประกอบ ที่นึกถึงสิ่งแรก ก็คือเสียงกลอง อีกทั้งยังมีเสียงของสแนร์ ที่ต้องการสื่อถึงกลองนักรบ
แต่พอเขาเอาไปเสนอ เมนเดส ที่เป็นผู้กำกับของเรื่อง ซึ่งเขามีความคิดว่า ทำนองจะเหมือนกับ ดนตรีแบบทหาร ค่อนข้างมากเกินไป ซึ่งเขาไม่อยากให้ เรื่องราวของหนัง เป็นแหล่งที่นำดนตรี มาใส่ลงไปในนั้น แต่อยากให้เสียงดนตรี ที่อยู่ในภาพยนตร์ของเขา มีความแปลกใหม่
ด้วยเหตุนี้เอง โทมัสเลยได้มองหา และทดลองดนตรีใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำเดิม จนไปเจอเสียงของ “Dulcimer” ก็คือเครื่องดนตรี ประเภทเดียวกับ “ขิม” เครื่องดนตรีไทยนั่นเอง จึงได้เลือกเอามาใช้ ให้เป็นเครื่องดนตรี หลักของเพลงนี้
ซึ่งก่อนหน้า เพลงประกอบหนัง ที่เขาได้มาอัดเสียงกับ วงออร์เคสตร้า ที่เต็มไปด้วย เครื่องสายเชลโลโซโล่ เครื่องเป่าทองเหลือง รวมไปถึงกลอง เขามีการวางเสียงดนตรี ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ปูพื้นเป็นแบ็คกราวนด์ก่อน ซึ่งได้มีความคิด เนื่องจากเขาอยากให้ ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ มีบทบาทเป็นเสียง ที่เป็นเหมือนการ สะท้อนมาจากภายใน
ส่วนเสียงที่เป็น เพลงออเคสตรา ให้เป็นเสียงที่อยู่ภายนอก หรืออารมณ์ที่สื่อออกไป ให้คนดูสัมผัสได้ จึงเป็นที่มาของเพลง ที่มีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังสามารถสะท้อนอารมณ์ ของตัวละครที่เกิดขึ้นทั้งภายใน และภายนอก ได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
The Dark Knight Main Theme หากจะกล่าวถึงแบทแมน ที่เป็นไตรภาคจากโนแลน คนส่วนใหญ่ก็น่าจะ รู้จักถึงด้านไม่ค่อยดี ถึงความเป็นฮีโร่ ซึ่งจะเหมือนกับ มนุษย์ธรรมดา มากที่สุด
โดยทั้งสามภาคนี้ ก็จะมีแนวดนตรี ที่สอดคล้องกัน เพลง นี้เป็นผลงานจาก Hans Zimmer ที่ได้พยายามจะ สอดแทรกมา ให้เป็นหัวใจหลัก ที่จะสื่อถึงเรื่องราว ของหนังเรื่องนี้ ได้อย่างชัดเจน เพลงที่ได้กล่าวมานี้ นำมาใส่อยู่ใน The Dark Knight Rises (ภาค3)
ซึ่งเป็นตอนที่ เบน วางแผนก่อการร้าย และจับคนมาเป็นตัวประกัน แบทแมนจึงแสดงตัวออกมา ท่ามกลางความมืด ที่ตามมากับ Batpod ในการยับยั้งเบน อีกทั้งยังเป็นการ กลับมาสู่เมืองก๊อตแธม อีกครั้งของแบทแมน
โดยก่อนหน้านี้ได้หายตัวไป ในภาคที่แล้วพร้อมกับ เพลงประกอบหนัง ที่จะสื่อให้รู้สึกว่า แบทแมนยังไม่ตาย ซึ่งในเวลานี้เขากลับมา ทวงความยุติธรรม โดยระหว่างที่ดูอยู่ในโรง คนดูจะรู้สึกขนลุก กันเลยทีเดียว ถือว่าเป็นเพลงที่ทำให้ รู้สึกว่าภาพยนตร์ดูจริงจังมาก
เพลงประกอบหนังสงคราม เหล่านี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้คนดู สามารถจำและนึกถึงภาพออก เพียงแค่ฟังเสียงที่อยู่ในฉากนั้น ๆ ซึ่งผู้คนน่าจะคุ้นเคย กันเป็นอย่างดี ในวันนี้เลยขอแนะนำ เพลงประกอบหนัง ที่สร้างความประทับใจ และอยู่ในความทรงจำ เรียกได้ว่าหนังจบแต่อารมณ์ ยังติดอยู่กับเพลงเหล่านั้น
ติดตามกันต่อกับเรื่องราว เพลงประกอบภาพยนตร์ไทย ที่น่าสนใจได้ที่นี่ >>> @UFA-X10
เรียบเรียงโดย อลิส