โมนาลิซา ความจริงที่ว่า ในโลกนี้ก็จะมี หญิงงามอยู่มากมาย แต่จะมีคนไหนที่ ยังคงความงามเป็นอมตะนานถึง 5 ศตวรรษและยังทำให้ คนจากทั่วโลก อยากจะยลโฉมเธออีกต่างหาก ซึ่งในความเป็นจริง เธอคนนี้ก็ไม่ได้เร่าร้อน เหมือนน้องลิซ่าสักหน่อย โดยเฉพาะเราอยู่ในยุค ที่ซีรีส์เฟื่องฟู ซึ่งถ้าเทียบนางเอกจากการ ดูซีรีย์ คิดว่าไม่น่าจะใช่แล้วล่ะครับ เพราะว่าจาก ภาพโมนาลิซ่า ที่เราก็เคยเห็นกัน นางไม่ใช่สาวแบบ เอวบางร่างน้อย แต่บอกเลยว่าภาพวาดของเธอนั้น ดันมีองค์ประกอบที่ดูสมจริง ซึ่งยากมาที่จิตรกรสมัยนั้น จะรังสรรค์ออกมา ให้สวยงามและเลื่องลือ ไปเช่นนี้ได้
ตามประวัติบอกว่า ภาพวาดโมนาลิซ่า คือภาพวาดสีน้ำมัน ที่มีความสูง 77 เซนติเมตร ภาพนี้มีความกว้างอยู่ที่ 53 เซนติเมตร เธอคนนั้นเป็นหญิงสาวสกุลสูง ที่อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 16 เป็นภาพวาดบันลือโลก จากฝีแปรงจิตรกรเอกอย่าง เลโอนาร์โด ดาวินชี ที่ใช้เวลาในการบรรจงวาดถึง 4 ปีกว่า
โมนาลิซา ในภาพวาดนี้ มีความงดงามเหมือน นางฟ้ามากกว่ามนุษย์
คงต้องยอมรับว่า ภาพโมนาลิซ่า ที่เราได้เห็นกันอยู่นี้ เป็นภาพที่เกือบจะเหมือน ภาพของมนุษย์จริง ด้วยความที่มีการวางสัดส่วน ได้แบบไร้ที่ติ ทำให้ภาพนี้เป็นภาพ ที่ให้รับคำชมจากทั่วโลก และถือว่าเป็นภาพ ของสุภาพสตรีที่มีคน รู้จักมากที่สุดในโลก มีคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าและแววตาของเธอนั้น มีความร้อนรุ่มและ สงบในเวลาเดียวกัน ทำให้เห็นว่ารอยยิ้มนี้ ซึ่งมันยากมากที่จะเข้าใจได้ว่า เธอกำลังอยู่ใน อารมณ์ไหนกันแน่
หลายคนบอกว่าเป็น ความงามที่สมบูรณ์แบบ ทำให้เจ้าของภาพอย่าง เลโอนาร์โด กลายเป็นสุดยอดจิตรกรอัจฉริยะ ตัวจริงเสียงจริงในระดับโลกไปเลย ซึ่งในความเป็นสุดยอดศิลปินคนนี้ เขาได้เข้าถึงธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง และตามที่เขาเคย บันทึกไว้ว่า การเขียนภาพเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ทำให้สิ่งที่อธิบายไม่ได้ ดูเหมือนจะอธิบายได้
โมนาลิซ่า คือใคร แล้วทำไมภาพ โมนาลิซา ถึงได้ขึ้นแท่น เป็นภาพที่มีราคาแพง
ก่อนที่เราจะมาหา คำตอบกันว่า โมนาลิซ่า คือใคร เพราะว่ามันคือคำถาม ที่หลายคนตามหามานานถึง 5 ศตวรรษเลยทีเดียวครับ ซึ่งมีคนตาดี ที่สังเกตหลายอย่าง ที่เกิดขึ้นในภาพ และวิจารณ์กันว่าสิ่งที่ เลโอนาร์โด ดาวินชี ได้ทิ้งสิ่งสำคัญ ไว้ในภาพนี้คือ รอยยิ้มอันลึกลับ ที่แฝงไว้ด้วยปริศนาหลายอย่าง บนใบหน้าสวย ๆ ของโมนาลิซา
และถึงแม้ว่า มีคนสันนิษฐาน โมนาลิซ่า ประวัติ ของหญิงสาวที่อยู่ในภาพนี้ จะเป็นนาง ลิซา เดล โจคอนดา เธอเป็นหญิงสาวสกุลสูง ภรรยาของพ่อค้าชาวฟลอเรนซ์ และมีชื่อว่า ฟรานเซสโก เลด โจคอนโด ซึ่งกว่าจะวาดภาพนี้ออกมา ได้เล่ากันว่า เลโอนาร์โดต้องไป จ้างนักร้องและบรรดานักดนตรี รวมถึงมีตลกด้วยนะ
ที่จะมาช่วยสร้าง ความบันเทิงให้หญิงสาวนางนี้ ก่อนที่จะมีการลงมือวาด เพราะว่าเขาต้องการ ที่จะได้รอยยิ้ม ที่ไม่มีความเศร้าหมอง แต่ต่อมาภายหลัง ก็มีข้อโต้แย้งไปต่าง ๆ นานา ว่าไม่ใช่หญิงสาว ลิซา เดล โจคอนตา
ซึ่งบางคนก็มีความเชื่อที่ว่า ภาพดังกล่าว ไม่ใช่ภาพของสุภาพสตรี ทำให้มีการเดาไปต่าง ๆ นานาว่าเขาได้วาดภาพ ของหนุ่มคู่ขาซึ่งเป็นชายหนุ่มรูปงาม เป็นคนอยู่ข้างกายของ เลโอนาร์โด ซึ่งเรื่องนี้ก็มีมูลเหตุ มาจากที่ว่า เลโอนาร์โดนั้น เป็นชายที่มีรักร่วมเพศนั่นเอง ทำให้ต่อมาเลย ไม่ค่อยมีใครอยากจะรู้อีกเลยว่า โมนาลิซ่า คือใคร
ใครเป็นคนตั้งชื่อ ภาพโมนาลิซ่า ภาพนี้
จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ บอกว่าชื่อของ ภาพวาดโมนาลิซ่า ภาพนี้นั้นไม่ได้ถูกตั้งชื่อโดย เลโอนาร์โด ดาวินชี แต่คนที่ตั้งชื่อนี้จริง ๆ คือ จอร์โจ วาซารี เขาคือศิลปิน และยังเป็นนักชีวประวัติ สัญชาติอิตาลี ซึ่งได้มีการแจกแจง ให้ทุกคนทราบว่า จากชื่อที่เรียก โมนา (Mona) ในภาษาอิตาเลียน มันหมายถึง มาดอนนา หรือว่าสุภาพสตรีหรือว่า มาดาม ซึ่งความหมายอาจจะ อยากเรียกว่า มาดาม ลิซ่า มากกว่า
ต่อมาเมื่อเจ้าของอย่าง เลโอนาร์โด ได้เสียชีวิต รูปนี้ได้ตกไปอยู่ในมือของ กษัตริย์ฝรั่งเศส ที่เป็นคนดูแล เลโอนาร์โด ตอนบั้นปลายของชีวิตเขาซึ่ง ภาพวาดโมนาลิซ่า ภาพนี้เลยถูกไปประดับ ไว้ที่ห้องสรง ในพระราชวังฟองแตนโบล ซึ่งต่อมาพระเจ้านโปเลียนขึ้นครองราชย์ ก็มีการย้ายมาติดไว้ ในห้องพระบรรทม
ภาพโมนาลิซ่า เคยหายมาแล้วด้วย ใครที่เป็นคนเอาไป?
เป็นความจริงที่ว่าภาพ โมนาลิซา ภาพนี้เคยถูกโจรกรรมในปี 1911 ใช้เวลานานมากกว่าจะจับกุมคนร้ายได้ แล้วจึงได้นำเอาภาพ ที่มีมูลค่าภาพนี้ กลับคืนสู่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ได้ ก็ต้องใช้เวลาไปถึง 2 ปีเต็ม ซึ่งจากหลักฐานว่าภาพ โมนาลิซ่า ประวัติ ของการเข้าจับกุม คนที่โจรกรรมไปนั้น ก็คือคนที่ทำความสะอาด ในพิพิธภัณฑ์นั่นเองครับ และสถานที่ พบภาพดังภาพนี้ อยู่ที่บ้านของคนทำความสะอาดคนนี้ในเมือง ฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลีนั้นเอง
มีเรื่องแปลกคือ จากที่ได้คืนมา สู่พิพิธภัณฑ์อีกครั้งนี้ หลายคนแอบเห็นว่า รอยยิ้มของหญิงสาว ที่อยู่ในภาพนั้น กลับเปลี่ยนไป ทำให้หลายคนก็สงสัยขึ้นมาอีก ว่าอาจจะไม่ใช่ภาพเดิม แต่เรื่องนี้ในที่สุด ก็มีการตรวจสอบและบอกว่า เป็นภาพจริง ซึ่งในปัจจุบันก็ได้รับ การดูแลเป็นอย่างดี เรียกว่าอยู่ในตู้กระจก แบบปรับสภาพของอากาศได้ แถมยังเป็นกระจก แบบกันกระสุนอีกด้วยครับ
เบื้องหลังของภาพ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้
- ความจริงที่ว่า ขุนนางคนหนึ่ง ของเมืองฟลอเรนซ์ได้จ้างวานให้ ดาวินชีวาดภาพเหมือน ของภรรยาเขา ซึ่งสตรีท่านนี้มีอายุประมาณ 24 – 25 ปีซึ่งมีหลายทฤษฎี ที่มาโต้แย้งว่า ภาพวาดโมนาลิซ่า ภาพนี้น่าจะเป็นภาพ ของแม่ดาวินชีเองซะงั้น เรื่องนี้มีการสันนิษฐานมาจาก การเลือกใช้สีเหลือง ทำสีผิวน่าจะเป็นเพราะว่า ผู้หญิงในภาพอาจจะป่วย
- ภาพ โมนาลิซา ภาพนี้ได้รับจ้างให้วาด แต่ทำไมถึงยังอยู่ กับศิลปินผู้ถูกว่าจ้าง อาจจะเป็นเพราะว่า ขุนนางท่านนั้นให้วาดรูปภรรยาลับ ทำให้เปิดเผยไม่ได้
- ภาพวาดภาพนี้ถือว่า เป็นสุดยอดผลงานของยุค ศิลปะ และวิทยาการหรือที่เรียกว่าสมัย เรเนซองส์ ด้วยการทำฉากหลัง เป็นรูปทิวทัศน์ ในระยะไกลทำให้ภาพนี้ มีความเป็นธรรมชาติสมจริง
- เป็นภาพที่ใช้เรื่อง ศิลปะและแนวคิด แบบสมัยใหม่อย่างเช่น การวางท่าทาง เรียกว่าเป็นไอเดีย และเทคนิคเฉพาะตัว ของศิลปินในยุคนั้น
- มีการสร้างบรรยากาศ ในการวาดภาพคือ นำเอานักดนตรีมาขับร้อง เพลง แถมยังจัดแสง ให้เข้ากับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
- แน่นอนว่าเป็นภาพ ที่รับจ้างให้วาด แต่ไม่ได้มีการส่งมอบ แถมพกไปด้วยทุกที่ และนำออกมาวาด และแต่งเติมทำให้การวาดถึงมีการ กำหนดช่วงว่าเป็นระหว่างปี 1503 – 1519
- ต่อมาภาพ โมนาลิซา ภาพนี้ได้อยู่ในพระหัตถ์ ของกษัตริย์ฝรั่งเศสทำให้กลายเป็น สมบัติของฝรั่งเศสไป หลายศตวรรษเลยทีเดียว ซึ่งต่อมามีการปฏิวัติฝรั่งเศส ทำให้ภาพนี้เลยได้กลับบ้าน ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของ ลูฟร์ตั้งแต่นั้นมา
- สาเหตุที่ภาพนี้โด่งดังชั่วข้ามคืน ทำให้หลายคนสงสัย ว่ามันน่าจะเป็นเพราะว่า มันถูกขโมยโดยคนอิตาเลียน
- เป็นภาพวาดของหญิงสาวที่ มีแววตาแบบเศร้า แต่มีความงดงาม และนุ่มนวลจากเส้นและแสงเงาต่าง ๆ ทำให้ภาพนี้กลายเป็นภาพ ที่มีจิตรกรทั่วโลก ถือเป็นแบบอย่างของการศึกษา และต่อยอดกันมาเป็นศตวรรษ
- รอยยิ้มปริศนาของ ภาพโมนาลิซ่า ทำให้หลายคนเลยอยาก ที่จะเดินทางมาเห็นด้วยตา เพราะว่ามันเป็นแค่ รอยยิ้มที่มุมปากของหญิงสาวเท่านั้น ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ถ้าหากว่าเปลี่ยนองศา ของการมองภาพนี้ก็จะเห็น รอยยิ้มที่แปลกออกไป ซึ่งเช่นเดียวกันกับดวงตา ของเธออีกด้วย
ทำให้หลายคนที่มีความสนใจ ในภาพวาด โมนาลิซา บันลือโลกภาพนี้ อยากจะเดินทาง เพื่อไปตามหาเสน่ห์ ของภาพที่คิดว่าสักครั้งในชีวิต ก็คงต้องเดินทางไปเยี่ยมชม กันที่พิพิธภัณฑ์ ลูฟร์ นั่นแหละครับแต่คิดว่า ค่าเข้าเยี่ยมชมน่าจะมี ราคาแพงอยู่ครับ
—*— อ้ายตัวกลม