บลูกราส แนวดนตรีที่เก่าแก่ซึ่งเต็มไปด้วยรากเหง้าอันหลากหลาย ทางประวัติศาสตร์

บลูกราส รูปแบบของดนตรีที่มีความเก่าแก่รูปแบบหนึ่งซึ่งมีแหล่งถือกำเนิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลแบบตะวันตก 

บลูกราส นี่คือแนวเพลง ของชาวอเมริกันแท้ๆ แบบดั้งเดิม ที่ได้มีจุดถือกำเนิด เกิดขึ้นในช่วงเวลา ของทศวรรษที่ 1940 ในพื้นที่ของ เขตภูมิภาค ” แอปพาเลเชีย “ ของประเทศสหรัฐอเมริกา 

ถึงแม้ว่าใครหลายคน จะฟังแล้วรู้สึกว่า มันมีความคล้ายคลึง กันกับแนวเพลงในแบบ ” คันทรี “ แต่ถ้าหากจะลอง พิจารณากันให้ดี มันกลับมีความแตกต่าง จากแนวเพลงในแบบคันทรี เพลง ไปโดยสิ้นเชิง

โดยมนต์เสน่ห์ของมัน จะอยู่ที่การนำเอา เครื่องดนตรีในประเภทสาย แบนโจ 3สาย มาร่วมบรรเลงในวง ทำให้เกิดมีสีสัน และซาวด์ของดนตรี ที่มีสำเนียงแปลกหู เป็นอย่างมากในยุคนั้น 

โดยเพลงที่สำหรับใช้ ในการเต้นรำ ในขณะนั้น ก็ยังคงมีการใช้ บทเพลงในแนวของ อเมริกันแอฟริกันดั้งเดิม อย่างบทเพลง ในแนวแจ๊สกับบลู ซึ่งได้รับความนิยม เครื่องดนตรี-สากล กันมาอย่างช้านาน 

แต่สำหรับบทเพลง ในแนวใหม่นี้ ได้รับการพัฒนา มาจากนักดนตรีบลูเดิม ที่มาจับมือกัน กับนักแบนโจ 5 สาย และนักกีต้าร์ ที่ได้พยายามสอดแทรก สำเนียงของเครื่องดนตรี ที่มีอยู่ให้เกิดความลงตัว เป็นบทเพลงในสไตล์ใหม่ ให้มากที่สุด

โดยผลลัพธ์ที่ออกมา มันจึงเป็นลักษณะ ของเพลงบลูที่มีส่วนผสม ของความเป็นแจ๊ส โดยมีเอกลักษณ์ ความโดดเด่นที่ ไม่เหมือนใครอยู่ตรงที่ เสียงของเครื่องดนตรี ประเภทสายที่บรรเลง ด้วยตัวโน๊ตที่ มีเสียงสูงนั่นเอง 

โดยถ้าหากว่าเรา จะพูดถึงเครื่องดนตรี ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญ กับดนตรีประเภทนี้ เป็นอย่างมากนั่นก็คือ แบนโจ ซึ่งตามหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ มันได้ไปปรากฏตัว อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรก 

จากการนำเข้าไป เผยแพร่ด้วยวงการ การค้าทาสชาวแอฟริกัน โดยมันได้เป็น เครื่องดนตรีที่เริ่ม จะได้รับความสนใจ จากพวกชาวอเมริกันผิวขาว จนมันได้เริ่มถูก นักดนตรีในอเมริกา นำไปใช้บรรเลง เวสเทิร์นสวิง ในวงดนตรีของพวกเขา

โดยเทคนิคการเล่น ที่เรียกกันว่า ” ก้ามปู “ หรือวิธีการเล่น แบนโจด้วยนิ้วมือเพียง 2 นิ้ว นั้นเป็นสิ่งที่ ได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก โดยทั่วไป ในช่วงระยะเวลา ก่อนเกิดเหตุการณ์ ” สงครามกลางเมือง “ ในประเทศสหรัฐอเมริกา

แต่เมื่อมาถึง ในยุคปัจจุบัน เทคนิคการเล่น เครื่องดนตรีประเภทแบนโจ ก็ได้รับการพัฒนา ฝึกฝนให้มีการเล่น ด้วยการใช้นิ้วมือ 3 นิ้ว ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ตัวโน๊ต ให้มีสีสันในการบรรเลง เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

ที่มาของดนตรีอันเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ 

มันเป็นรูปแบบ ของแนวดนตรี ที่มีความแตกต่างกันตรงที่ องค์ประกอบของ บทเพลงในยุคเก่า กับดนตรีในแบบพื้นเมืองดั้งเดิม โดยออกมาเป็น ผลลัพธ์ที่เป็นลูกผสม ของความสมบูรณ์ สวยงามอย่างลงตัว 

ซึ่งบทเพลงพื้นเมือง ของชาวภูมิภาค แอปพาเลเชียน ก็คือสำเนียงดนตรี เพลง คัน ท รี แบนโจ ของผู้อพยพชาว อเมริกันเชื้อสายสกอตแลนด์ ที่เข้ามาตั้งรกราก อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และได้นำเอา รากเหง้าของดนตรีพื้นถิ่น ตนเองเข้ามาด้วย 

ดังนั้นสำเนียง เสียงเครื่องดนตรี ของพวกเขาจึงได้ กลายมาเป็นต้นแบบ ดนตรี ของการพัฒนาดนตรี ในรูปแบบที่ถือว่า มีจุดกำเนิด ในประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง 

และต่อมาก็ได้มี นักดนตรีผิวสีกลุ่มหนึ่ง ได้นำเครื่องดนตรี ที่มีชื่อว่า ” แบนโจ “ ที่ถือว่าเป็นเครื่องดนตรี แห่งสัญลักษณ์ที่สำคัญ เข้ามายังในภูมิภาคแห่งนี้ และนิยมที่จะใช้ Banjo Blue Grass บรรเลงกันอย่างกว้างขวาง 

และต่อมาในปี พ.ศ. 2488 เอิร์ลส ครูกส์ ได้เป็นผู้เริ่มต้น ใช้เทคนิคการเล่น แบนโจแบบ 3 นิ้ว ชึ้นมาเป็นคนแรก แบนโจ ยี่ห้อ ไหน ดี โดยตัวโน๊ตที่เขา ได้บรรเลงออกมานั้น มีความเร็วเพิ่ม สูงมากยิ่งขึ้น สามารถเล่นตาม จังหวะที่มีความเร็ว ได้เป็นอย่างดี 

และต่อมาผู้อพยพถิ่นฐาน ที่มาจากสหราชอาณาจักร และประเทศไอร์แลนด์ ก็ได้เดินทาง มาถึงเขตภูมิภาค แอปปาลาเชีย ในช่วงของศตวรรษที่ 18 และได้นำบทเพลง ในแบบของพวกเขา ติดตัวเข้ามาด้วย

โดยบทเพลงที่มีชื่อเสียง ในยุคแรกก็จะมี บทเพลงที่ได้แก่ ” Pretty Saro ” Pretty Polly ” ” House Carpenter ” และ ” Cuckoo Bird ” ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นบทเพลงที่ใช้บรรเลง กันภายในงานเต้นรำ ของผู้คนในแถบชนบท

และเมื่อแนวดนตรี ในรูปแบบใหม่นี้ เริ่มมีการเจริญเติบโต และแพร่ขยาย ออกไปเป็นวงกว้าง ผู้คนจำนวนมากก็เลยเริ่มให้ความสนใจ และก็ยังมี นักดนตรีจำนวนไม่น้อย ได้พากันฝึกฝน และนำออกบรรเลง กันอย่างแพร่หลาย

จนชื่อเสียงความโด่งดังของมัน เริ่มที่จะแทรกซึม เข้าไปสู่ในสังคมเมือง และก็ยังเป็นที่สนใจ ของคนเมืองเป็นอย่างมาก จนในที่สุด บทเพลงในแนวนี้ ก็ได้รับการบันทึกเสียง กันอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ. 2491

และนั่นคือจุดเริ่มต้น ในการก้าวเข้าสู่ อุตสาหกรรมเพลง ของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยในช่วงเวลาหลังจากที่ สงครามสิ้นสุดลง ก็ถือว่าช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาของ ยุคทองในดนตรี รูปแบบใหม่อย่างแท้จริง 

โดยผู้คนในขณะนั้น ก็ต่างเรียกร้อง ที่จะฟังความเป็นต้นตำรับ ของแนวเพลงสไตล์นี้ ด้วยกันเท่านั้น และมันก็ได้กลายเป็นดนตรี ที่ได้รับการบันทึกเสียง อยากจริงจัง และถูกนำออกไป แสดงสดด้วยนักดนตรี ฝีมือดีอีกมากมายหลายคน 

อีกทั้งในกลุ่มของ นักดนตรีสมัครเล่น ก็ต่างได้เล็งเห็น ถึงความสำคัญ ของดนตรีในแนวนี้ จึงได้ทำการฝึกฝน กันอย่างจริงจัง ทุ่มเทซ้อมดนตรี โดยไม่ได้ปล่อยปละละเลย หรือทิ้งขว้างแต่อย่างใด 

แต่ในบางครั้ง ก็จะเป็นการฝึกฝน โดยการใส่รูปแบบ เฉพาะความเป็นตัวตน ของตัวเองลงไป จึงทำให้มีความแตกต่าง อย่างหลากหลาย ในการบรรเลงดนตรี ในแต่ละครั้ง ซึ่งผลดีนั้น ก็ย่อมจะต้องตกอยู่ ที่ผู้ชมอย่างแน่นอน 

อีกทั้งสถานีวิทยุในขณะนั้น ต่างก็นิยมที่จะเปิดเพลงในแนวนี้ ที่ถูกบรรเลงโดยศิลปินมากหน้าหลายตา ความนิยมชมชอบ ก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนทำให้ดนตรี ในแนวนี้เริ่มที่จะมี อิทธิพลภายใน จิตใจของผู้ฟัง มากเพิ่มขึ้นทุกวัน 

เรียกได้ว่าบทเพลง ในแนวนี้ถูกเปิดทาง สถานีวิทยุกันทุกวัน และแทบจะทุกวัน ที่จะมีคนโทรศัพท์ เข้ามาขอเพลงในทุกชั่วโมง จนเกิดเป็นแฟชั่น ทางดนตรีที่ผู้ฟังเพลง ทุกคนต่างก็ยอมรับ ในความนิยมของมัน

แต่วิวัฒนาการของมัน ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง อยู่แต่เพียงเท่านั้น ยังคงมีศิลปิน อีกเป็นจำนวนมาก ที่ได้ช่วยกัน พัฒนาดนตรีในแนวนี้ ให้แตกแขนงสาขาออกมาเป็นจำนวนมาก เราจึงได้มีบทเพลงไพเราะฟังกัน อย่างมากมายจนถึงทุกวันนี้

Artist Em