แหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเพลง และดนตรี แนะนำเพลงใหม่ ประวัติวงดนตรีต่าง ๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ ที่น่าสนใจ

ขายลิขสิทธิ์เพลง เหตุผลส่วนใหญ่ของศิลปิน ที่ขายลิขสิทธิ์เพลงของพวกเขาก็คือ ต้องการวางแผนอสังหาริมทรัพย์

ขายลิขสิทธิ์เพลง ของศิลปินชื่อดังหลายคน กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล มากจนไม่น่าเชื่อว่าการที่ทำงานเพลงออกมานั้น มันมีมูลค่ามากมายขนาดนี้

ขายลิขสิทธิ์เพลง ของศิลปินที่มี ชื่อเสียงระดับโลกอย่าง จัสติน ทิมเบอร์เลค เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บริษัทลงทุนในสื่อบันเทิง และการจัดการเพลงในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีการเข้าซื้อ ขายลิขสิทธิ์เพลง ที่เขาได้แต่งเองและร่วมแต่ง ที่มีอยู่มากกว่า 230 เพลง

รวมถึงเพลงที่ได้รับ ความนิยมจากผู้คนทั่วโลก จนอยู่ในอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ไม่ว่าจะเป็นเพลง SexyBack, What Goes Around…Comes Around และ Can’t Stop the Feeling

ขายลิขสิทธิ์เพลง

สื่อชื่อดังของอังกฤษ ได้เปิดเผยว่า จัสติน ทิมเบอร์เลค ศิลปินชายสุดฮอต ที่หลายคนทั่วโลก รู้จักกันอย่างดีในช่วง 90 – ต้นยุค 2000 ได้ขาย ค่าลิขสิทธิ์เพลง ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลงาน ที่ตนเองได้ร้องและร่วมแต่งเพลง

ซึ่งมีมากกว่า 230 เพลง ให้กับบริษัท Hipgnosis Song Management ในราคาสูงถึง 120 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,600 ล้านบาท

แม้ว่าจำนวนเงิน ที่ได้ซื้อ ขายลิขสิทธิ์ ในครั้งนี้ จะไม่ได้ออกมาเปิดเผย อย่างเป็นทางการ แต่ทางบริษัท The Wall Street Journal มีการเปิดเผยกับ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดว่า ข้อตกลงในครั้งนี้ มีมูลค่ามากกว่า 120 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,600 ล้านบาทเลยทีเดียว

ขายลิขสิทธิ์เพลง หากจะลองคิดดู ผลงานเพลงของ จัสติน ทิมเบอร์เลคนั้น เริ่มขึ้นเมื่อปี 2537 ซึ่งตอนนั้นเขาคือ หนึ่งในสมาชิกของวง “NSYNC”

เป็นบอยแบนด์ที่ได้รับ ความนิยมอย่างมาก ของประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังโด่งดังไปทั่วโลก ในช่วงยุค 90 – ต้นยุค 2000 ในเวลาต่อมา เขามีโอกาสได้เป็นศิลปินเดี่ยวเมื่อปี 2001 และได้มีผลงาน อัลบั้มแรกก็คือ “Justified” ในปัจจุบันเขาได้ออกอัลบั้มเดี่ยว ทั้งหมด 5 ชุด รวมถึงมีผลงานเพลงมากกว่า 50 เพลง

ทางด้านประธานบริษัท Hipgnosis Song Management ได้ออกมาพูดว่า ข้อตกลงดังกล่าว มีการพูดคุยกัน ก่อนหน้านี้มาสักพักแล้ว ก่อนจะได้ทำการตกลงกัน อย่างที่ทราบกันดีว่า ศิลปินที่มีชื่อเสียง ในยุคก่อน ๆ

ขายลิขสิทธิ์เพลง

หลายคนได้ออกมา ขายลิขสิทธิ์เพลง ทั้งหมดของตนเอง ให้กับผู้อื่นอย่าง“บ็อบ ดีแลน” (Bob Dylan) , “บรูซ สปริงส์ทีน” (Bruce Springsteen) , “นีล ยัง” (Neil Young) และ “สตีวี นิกส์” (Stevie Nicks) ซึ่งจัสติน ทิมเบอร์เลค ศิลปินชายอายุ 42 ปี ยังถือว่าน้อยกว่า ศิลปินในยุค 90 คนอื่น ๆ ที่ขายลิขสิทธิ์เพลง

“เหตุผลส่วนใหญ่ของ ศิลปินที่ขายลิขสิทธิ์เพลง ของพวกเขา ก็คือต้องการวางแผน อสังหาริมทรัพย์ หรือวางแผนในวัยเกษียณ อีกทั้งยังอยู่ในจุดที่ อยากจะขายลิขสิทธิ์ เพื่อเอาเงินมาดูแลครอบครัว”

ฮานนา คาร์ป หัวหน้าทีมนักเขียน ของ นิตยสารบิลบอร์ด (Billboard) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนัก CNN จัสติน ทิมเบอร์เลค ไม่ใช่ศิลปินที่มีชื่อเสียง ระดับโลกรุ่นหลัง ๆ แค่คนเดียวที่ขายเพลงให้กับบริษัท Hipgnosis เพราะเมื่อปี 2563 “เดอะ เชนสโมเกอร์ส” (The Chainsmokers) ได้ขายเพลงให้กับบริษัท เหมือนกับศิลปินสาว “ชากีรา” (Shakira) ที่มีการทำข้อตกลง กับบริษัทเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

“หากจะพูดถึง นักแต่งเพลงรุ่นใหม่นั้น พวกเขาจะขายเพลง ของตัวเองเพราะต้องการ กระจายความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต” เมอร์คิวเรียดิส ได้แสดงความเห็นกับสำนัก CNN และยังได้กล่าวอีกว่า ศิลปินเหล่านี้ อยากจะสร้างผลงาน ตามความต้องการตัวเอง มากกว่าการสร้างผลงานเพื่อเงิน

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีศิลปินคนอื่น ๆ ที่ได้ ขายลิขสิทธิ์ให้กับบริษัท Hipgnosis อย่าง “เรด ฮ็อต ชิลลี เป็ปเปอร์ส” (Red Hot Chili Peppers) , “เจอร์นีย์” (Journey) , และ “บลอนดี” (Blondie)

จัสติน ทิมเบอร์เลค ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ กับทางสำนักข่าวว่า “รู้สึกดีใจที่ได้ ร่วมงานกับเมิร์ค และบริษัท Hipgnosis ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มอง เห็นคุณค่าของศิลปิน และผลงานเพลง อีกทั้งยังคอย สนับสนุนคนทำเพลง รวมถึงศิลปินอย่างมากตลอดมา ซึ่งเขามองว่า ถึงเวลาแล้วที่จะได้ไป สู่สเต็ปต่อไปของชีวิต”

โดยการขายเพลง ของเขาในครั้งนี้ จะครอบคลุมแค่เพียง เพลงที่เขามีลิขสิทธิ์ อยู่เท่านั้น อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ผลงานที่เขาได้แต่ง และร้องเองเท่านั้น ส่วนผลงานที่เขา ได้แต่งให้ศิลปินอื่น ๆ อย่าง รีอานนา หรือ มาดอนนา และยังมีเพลงที่โด่งดัง ในสมัยที่เขาเป็นสมาชิก ของวง NSYNC เช่น “Bye Bye Bye” ไม่ถือว่าอยู่ใน ข้อตกลงดังกล่าว

ขายลิขสิทธิ์เพลง

การซื้อขายในครั้งนี้ จะอยู่ภายใต้บริษัท Hipgnosis Songs Capital ซึ่งมีราคาสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นการทำงานร่วมกันกับ บริษัท Hipgnosis Song Management ซึ่งกองทุนที่จัดการโดย Blackstone (BGB) บริษัทหุ้นนอกตลาด

ซึ่งกองทุนได้กำไร จากการซื้อ ขายลิขสิทธิ์เพลง เพลงของ จัสติน ทิมเบอร์เลค ซึ่งการซื้อเพลงดังกล่าว ถูกนำไปใช้กับ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ เพลงคัฟเวอร์ และการแสดง รวมไปถึงรายการ จากการสตรีมมิงเพลง ส่วนทางฝั่งของ Blackstone ยังไม่ขอออกมาให้ความเห็น เกี่ยวกับการซื้อขายในครั้งนี้

บริษัท Hipgnosis เจ้าของเป็นคนที่คอยดูแล ศิลปินระดับโลก อย่าง บียอนเซ ซึ่งบริษัทเข้าไปอยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2562 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้มีแผนการ ที่จะซื้อลิขสิทธิ์เพลง จากศิลปินอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเพลงเหล่านี้ เปรียบเสมือนสินทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนมหาศาล

ซึ่งในประเทศไทยนั้น ก็ได้มีการ ซื้อลิขสิทธิ์เพลง แกรมมี่ เพื่อใช้ร้อง cover หรือเล่นดนตรี ตามงานบันเทิงต่าง ๆ แต่ ค่ายเพลงที่ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์ cover นั้นก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่เป็นส่วนที่น้อยนัก เพราะมันเป็นเรื่องของ ทรัพย์สินทางปัญญานั่นเอง และนักร้องที่เราได้เห็นกันใน youtube ที่นำเพลงของนักร้องดังต่าง ๆ มาขับร้องใหม่ ก็ได้มีการ ซื้อลิขสิทธิ์เพลงลง youtube แล้วเช่นกัน

ติดตามเรื่องราวของ ดนตรี ที่น่าสนใจกันต่อได้ใน >>> เพลงไทยความหมายดี

 

เรียบเรียงโดย อลิส